วันพุธที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2558



บุญ..คือมิตรแท้

....บุญคืออะไรอยู่ที่ไหน...
บุญ คือ พลังงานอย่างหนึ่ง ซึ่งละเอียด ประณีต และทรงพลังอย่างยิ่ง เป็นเครื่องชำระล้างใจให้ใสสะอาด บริสุทธิ์ ผ่องใสห่างไกลจากกิเลสเครื่องเศร้าหมองทั้งหลาย น่าเสียดายที่คนทั่วไปมองไม่เห็นบุญ จนบางคนไม่เชื่อว่าบุญมีจริง แต่ผู้ปฏิบัติธรรมจนบรรลุธรรมขั้นสูงแล้วสามารถเห็นบุญและบาปได้ ดังที่พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) หลวงปู่วัดปากน้ำภาษีเจริญ ได้กล่าวยืนยันไว้ว่า บุญ บาป มีจริงๆ อยู่ในตัวของเรานี่เอง ดังนี้
“..บุญ เป็นดวงใสๆ ติดอยู่ศูนย์กลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นมนุษย์ ..บาป เป็นดวงดำ


ติดอยู่ศูนย์กลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นมนุษย์เช่นกัน..”


แม้เรายังไม่เห็นบุญ แต่เราก็สัมผัสกระแสบุญได้ เช่น เวลาทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา บุญจะหลั่งไหลมาสู่ใจเรา ทำให้เราสบายใจ จิตใจผ่องใส ความรู้สึกเหล่านี้คืออาการของบุญ ซึ่งเปรียบได้กับกระแสไฟฟ้าที่มองไม่เห็น แต่เวลาเปิดสวิตช์ ก็จะมีกระแสไฟเข้าไปทำให้เครื่องไฟฟ้าทำงานเกิดเป็นแสงสว่างในหลอดไฟ ความเย็นในตู้เย็น หรือความร้อนในเตารีดไฟฟ้า เป็นต้น

วันพุธที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

บวชทำไม บวชเพื่ออะไร


บวชแล้วได้อะไรบ้าง

๑.ได้บุญ การบวชเป็นพระแท้เป็นทางมาแห่งบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ ดังที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเคยตรัสว่า “ถึงแม้จะมีผู้วิเศษเก็บดอกไม้จนหมดป่าหิมพานต์ แล้วนำมาบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึง ๑,๐๐๐ พระองค์ กระทำดังนี้ทุกวัน ผลบุญจากการบูชานั้นก็ไม่เท่าผลบุญจากการบวชเป็นพุทธบูชาในพระพุทธศาสนา” (ที่มา : การบวชในพระพุทธศาสนา พระนิพนธ์สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส) บุญบวชจึงเป็นสุดยอดแห่งบุญที่มีอานุภาพมหาศาล สามารถตัดรอนวิบากกรรมและดึงดูดความสุขความเจริญเข้ามาได้เป็นอัศจรรย์ บุญนี้จะช่วยปิดอบาย เปิดสวรรค์ ช่วยให้ผู้บวชมีความเห็นถูกต้อง และได้เกิดในบวรพระพุทธศาสนาเป็นเวลาถึง ๖๔ กัป


๒.ได้ฝึกสมาธิอย่างถูกวิธี การฝึกสมาธิเป็นการพัฒนาจิตให้สงบ ก่อให้เกิดพลังแห่งความบริสุทธิ์ ซึ่งจะมีอานุภาพดึงดูดสิ่งที่ดีงามเข้ามาในชีวิต ทั้งคนดีๆ ของดีๆ และโอกาสดีๆ


๓. ได้ความสุข ความอิ่มเอิบเบิกบานผ่องใส เหมือนได้ผลัดชีวิตใหม่ ความสุขชนิดนี้เป็นความสุขจากความปลอดกังวล ที่เกิดจากจิตที่ผ่องใส เพราะได้นั่งสมาธิปฏิบัติธรรมทุกวัน และเป็นความสุขที่เงินซื้อไม่ได้ แต่ได้ฟรีๆจากการบวช


๔. ได้ศึกษาคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อนำไปเป็นหลักในการดำเนินชีวิต และได้รู้ว่า "เราเกิดมาทำไม ?" "อะไรคือเป้าหมายที่แท้จริงของชีวิต ?" ทำให้การเกิดมาของเราในชาตินี้ไม่สูญเปล่า


๕. ได้โอกาสทองในการแก้ไขนิสัย และได้สร้างภูมิคุ้มกันจากสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลาย รวมทั้งได้ หักดิบเลิกอบายมุขต่าง ๆ


๖. ได้เพื่อนกัลยาณมิตรใหม่ๆ ที่จะคอยให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลกันต่อไปในอนาคต


๗. ได้ความภาคภูมิใจ ที่ได้เป็นหนึ่งในบุคคลประวัติศาสตร์แห่งการฟื้นฟูศีลธรรมครั้งยิ่งใหญ่ ซึ่งจะมีผลต่อความสงบร่มเย็นของประเทศชาติและโลกของเรา


พ่อแม่ได้อะไร ?

พ่อแม่ได้เป็นญาติกับพระศาสนา และได้เกาะชายผ้าเหลืองของพระลูกชายขึ้นสวรรค์ ซึ่งถือเป็นการตอบแทนที่คุ้มค่ากับการที่ท่านให้กำเนิดเรามาอย่างแท้จริง


ครอบครัวได้อะไร ?

ความสุขในครอบครัวจะกลับคืนมา เมื่อคนในครอบครัวเป็นคนดีมีศีลธรรม มีแนวทางในการดำเนินชีวิตที่ถูกต้องดีงาม


ศาสนาได้อะไร ?

การบวชพระนับแสนรูปจะสร้างกระแสความตื่นตัวในการฟื้นฟูประเพณีการบวชกลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง และจะทำให้ปัญหาวัดร้างหมดสิ้นไป กลับกลายมาเป็นวัดรุ่งทั้งแผ่นดิน ซึ่งจะมีผลให้พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรือง มั่นคงเป็นปึกแผ่น และสามารถแผ่ขยายไปดับทุกข์ในใจของผู้คนได้มากขึ้น


สังคมและประเทศชาติได้ประโยชน์อะไร ?

การบวชครั้งละมากๆจะช่วยสร้างครูสอนศีลธรรมจำนวนมากขึ้น มาฟื้นฟูศีลธรรมในใจของผู้คนที่กำลังเสื่อมลงทุกขณะให้หวนกลับมาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งจะมีผลให้ปัญหาสังคมที่เกิดจาก ความเสื่อมโทรมของศีลธรรมลดน้อยลง นอกจากนี้ มหากุศลจากการอุปสมบทหมู่จะช่วยนำพาประเทศไทยให้ผ่านพ้นปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในปัจจุบันได้ในที่สุด ทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และจะเกิดความเจริญรุ่งเรืองขึ้น อย่างเป็นอัศจรรย์

เครดิต
http://www.kalyanamitra.org/th/article_detail.php?i=5591

วันอังคารที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

วิริยบารมี


วิริยบารมี หมายถึง ความเพียร ความแกล้วกล้าที่ไม่เกรงกลัวต่ออุปสรรคใดๆ เป็นความพยายามที่ประกอบไปด้วยความอุตสาหะที่จะสร้างบารมีอย่างไม่ย่อหย่อน แม้ว่าจะเกิดอุปสรรคอันใดก็ตาม จะไม่มีคำว่า ท้อแท้ และ ท้อถอย เกิดขึ้นในใจของพระโพธิสัตว์อย่างเด็ดขาด ดังนั้น วิริยบารมี จึงถือเป็นบารมีที่สำคัญที่จะช่วยสร้างและหล่อหลอมอุปนิสัยของพระโพธิสัตว์ ให้มีความกล้าและมีความมุ่งมั่นในการสร้างความดีให้ยิ่งๆขึ้นไป

วันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

กุฎี (ไม้ไผ่) โครงการบวชพระทุกเดือน ณ ศูนย์การศึกษาเขาแก้วเสด็จ






กระท่อมที่อยู่ของนักบวช เช่น พระภิกษุ เรือนหรือตึกสําหรับพระภิกษุสามเณรอยู่. (ป. ส. กุฏิ).

วันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

กิจที่พระภิกษุทำไม่ได้ เรียกว่า อกรณียกิจ




กิจที่พระภิกษุทำไม่ได้ เรียกว่า อกรณียกิจ มี 4 ข้อ ดังนี้
1. เสพเมถุน พระภิกษุมีเพศสัมพันธ์ไม่ว่ากับคนหรือสัตว์ ทั้งที่มีชีวิตหรือตายแล้ว ขาดจากความเป็นพระภิกษุทันที

2. ลักขโมย ภิกษุลักทรัพย์มีราคาตั้งแต่ 5 มาสกขึ้นไป ต้องอาบัติปาราชิก ขาดจากความเป็นพระภิกษุทันที

3. ฆ่ามนุษย์ ภิกษุแกล้งฆ่ามนุษย์หรือใช้ผู้อื่นให้ฆ่า หรือทำอาวุธให้เขาด้วยเจตนาจะให้เขาฆ่าตัวตาย หรือบังคับให้เขากินยาพิษ หรือกล่าวพรรณนาคุณของความตายเพื่อให้เขาฆ่าตัวตาย ทำคาถาอาคมฆ่าด้วยคุณไสย โดยที่สุดแม้การทำแท้งและแนะนำวิธีการฆ่าด้วยอุบายต่าง ๆ ขาดจากความเป็นพระภิกษุ

4. พูดอวดคุณวิเศษที่ตนเองไม่มี การพูดอวดคุณวิเศษ หมายถึง คุณวิเศษที่เกิดจาการปฏิบัติธรรม เจริญสมาธิวิปัสสนาจนได้บรรลุคุณวิเศษทางพระพุทธศาสนา ได้แก่ ฌาน 4 คือ ปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน และจตุตถฌาน วิชชา 3 คือ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ การระลึกชาติได้ จตูปปาตญาณ ญาณกำหนดการเกิดการตายของสรรพสัตว์ และอาสวักขยญาณ ญาณที่รู้การทำลายกิเลส เป็นต้น ที่ตนเองไม่มี ไม่ได้บรรลุ เพื่อต้องการให้คนอื่นนับถือศรัทธา โดยหวังลาภสักการะชื่อเสียงเกียรติยศ หรืออื่นใดก็ตาม ขาดจากความเป็นภิกษุ